“เจเนเรชั่น” ภูมิใจมีผู้สำเร็จหลักสูตรเกิน 25,000 คนนับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด

เจเนเรชั่นร่วมกับ เดอะ แบล็คร็อค ฟาวด์เดชั่น, แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี, ไมโคซอฟท์ คอร์ป และเวอไรซอน ในการแก้ปัญหาว่างงานทั่วโลก สร้างอาชีพให้ผู้คนนับพันรายและสร้างรายได้รวมกว่า 140 ล้านดอลล่าห์จนถึงปัจจุบัน

เจเนเรชั่น เครือข่ายไม่แสวงผลกำไรระดับโลกที่มุ่งเสริมการจ้างงาน ประกาศจำนวนผู้สำเร็จหลักสูตรเกิน 25,000 รายใน 16 ประเทศ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนหลายพันคนมีงานทำ และมีผู้สำเร็จหลักสูตรรวมกันกว่า 65,000 คนนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์กรเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา

ด้วยพันธสัญญาที่ให้ไว้ร่วมกันจากกลุ่มพันธมิตรโกลบอล จ็อบส์ รีคอฟเวอรี (Global Jobs Recovery) ของเจเนเรชั่น ซึ่งประกอบด้วยเดอะ แบล็คร็อค ฟาวน์เดชัน (The BlackRock Foundation), แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company), ไมโครซอฟท์ คอร์ป (Microsoft Corp.) และเวอไรซอน (Verizon) เจเนเรชั่นได้ทำการฝึกอบรม จัดหางานและสนับสนุนให้ผู้คนทุกวัยได้เข้าทำงานในอาชีพที่แต่ก่อนอาจเข้าไม่ถึง โดยในช่วงสถานการณ์โควิดมีผู้สำเร็จหลักสูตรกว่า 25,000 คน ซึ่งได้รับเงินเดือนรวมกันกว่า 140 ล้านดอลลาร์

“เรารู้ตื่นเต้นที่ได้บรรลุเป้าหมายนี้ร่วมกับผู้ร่วมโครงการของเราและเราได้แรงบันดาลใจจากการทุ่มเท ทำงานหนักและการอุทิศตนจากบุคคลหลายพันคนที่ได้พลิกชีวิตของตนเองผ่านโครงการของเราในช่วงโรคระบาด” โมนา มูร์เชด (Mona Mourshed) ซีอีโอผู้ก่อตั้งเจเนเรชั่น กล่าว “เรายังได้เห็นด้วยตนเองว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ โชว์ความสามารถและความเป็นเลิศในที่ทำงานนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้แม้จะเป็นทางไกล แต่การจ้างงานที่เสมอภาคอย่างแท้จริงยังคงมีความท้าทายอยู่มาก และเรายังคงทำงานร่วมกับนายจ้าง รัฐบาลและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้สมัครงานที่มีความสามารถ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เพศ ชาติพันธุ์และพื้นเพการศึกษา”

แม้หลักสูตรส่วนใหญ่ของเจเนเรชั่นจะเป็นการเรียนออนไลน์ หรือไม่ก็เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสานกันในช่วงโรคระบาด แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงแข็งแกร่งมาก โดยผู้สำเร็จหลักสูตร 74% ได้งานทำภายใน 3 เดือนแรกหลังจบหลักสูตร และเพิ่มขึ้นเป็น 85% ภายใน 6 เดือน พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับก่อนเข้าเรียนกับเจเนเรชั่น และเมื่อทำงานไปได้ 1 ปี กว่า 78% ยังคงมีงานทำอย่างต่อเนื่อง

ผู้เรียนของเจเนเรชั่นนั้นมักเผชิญปัญหาหรือความท้าทายอย่างมากก่อนเข้าร่วมโครงการ โดย 40% ว่างงานมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน โดยผู้สำเร็จหลักสูตรปี 2563 นั้น มีเพียง 38% ที่ระบุว่าพวกเขามีศักยภาพในการหาเลี้ยงตนเองได้ในแต่ละวันก่อนร่วมโครงการเจเนเรชั่น แต่วันนี้ กว่า 81% สามารถหาเลี้ยงตนเองได้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีความหลากหลายในกลุ่มผู้เรียน กล่าวคือ สองในสามของกลุ่มผู้สำเร็จหลักสูตรในช่วงสถานการณ์โควิดนั้น จบการศึกษาเพียงระดับมัธยมหรืออาชีวศึกษา ขณะที่ 53% เป็นผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่มากจากชุมชนด้อยโอกาสและกว่า 30% ต้องดูแลผู้อยู่ในอุปการะ

เมี่อคำนวนความคุ้มทุนจากจากเงินทุนสนับสนุนที่เจเนเรชั่นได้จากกลุ่มพันธมิตรโกลบอล จ็อบส์ รีคอฟเวอรี่ ในแต่ละดอลล่าร์ ผู้สำเร็จหลักสูตร 25,000 คน สามารถหารายได้ต่อคนมากกว่า 2.47 ดอลล่าร์ โดยทางองค์กรคาดว่าผู้สำเร็จหลักสูตรเหล่านี้จะหารายได้เพิ่มได้อีก 474.5 ล้านดอลลาร์นับจนถึงปี 2570 ซึ่งหมายความว่า เงินสนับสนุนแต่ละดอลลาร์ที่ให้กับทางเจเนเรชั่นจะทำให้กลุ่มนี้มีรายได้ 11.85 ดอลลาร์เมื่อนับรวมกัน 5 ปี

เมื่อปลายปี 2563 เจเนเรชั่นได้รับคำมั่นสัญญาในการบริจาคเงินเพิ่ม 77 ล้านดอลลาร์ และทรัพยากรที่ไม่เป็นตัวเงินอีก 50 ล้านดอลลาร์เป็นเวลา 2 ปี จากแบล็คร็อค, แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี, ไมโครซอฟท์ คอร์ป และเวอไรซอน ซึ่งมีทั้งการให้เงินสนับสนุน ทรัพยากรที่ไม่ใช่ตัวเงิน และความสัมพันธ์กับนายจ้างในเครือข่ายสำหรับผู้สำเร็จหลักสูตรของเจเนเรชัน และนับจนถึงปัจจุบัน การสนับสนุนเหล่านี้ รวมถึงการสนับสนุนจากผู้ให้เงินทุนรายอื่น ๆ ทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ได้เข้ามาส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเจเนเรชั่นกับรัฐบาลและพันธมิตรในด้านแรงงานทั่วโลก ซึ่งช่วยสนับสนุนการนำแนวทางของเจเนเรชั่นไปผสานรวมในระบบขนาดใหญ่ที่มีอยู่เดิมแล้ว

เจเนเรชั่นยังคงร่วมงานกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีผู้สำเร็จหลักสูตร 20,000 คนในปี 2565 โดยเพิ่มขึ้นจากประมาณ 12,000 คนเมื่อปีที่แล้ว

คุณนาสิรา (Nasira) ผู้สำเร็จหลักสูตรเจเนเรชั่น และเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพประจำศูนย์เอเอฟอีเอ แคร์ เซอร์วิสเซส (AFEA Care Services) ของรอยัล รีแฮบ (Royal Rehab) กล่าวว่า

“ลูกชายของฉันเกิดมาเป็นดาวน์ซินโดรม ฉันเลยไม่สามารถทำงานได้ หลังจากนั้นไม่นาน โลกก็เผชิญกับการแพร่ระบาด และฉันรู้สึกไร้ประโยชน์มาก ๆ เมื่อต้องอยู่แต่ที่บ้าน แต่วันหนึ่ง ขณะที่ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว ฉันได้รับอีเมลเกี่ยวกับโครงการอบรมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพของเจเนเรชั่น ซึ่งเป็นหลักสูตรออนไลน์ทั้งหมด นั่นหมายความว่าฉันสามารถเรียนไปด้วยพร้อมกับดูแลลูกชายไปด้วยได้ ซึ่งนั่นเปลี่ยนชีวิตครอบครัวของฉันไปตลอดกาล ฉันได้นำความสามารถที่ฉันมีใช้เป็นอาชีพเพื่อหาเงินเข้าบ้าน”

คุณลูเซียโน (Luciano) ผู้สำเร็จหลักสูตรเจเนเรชั่น และโปรแกรมเมอร์บริษัทเซลส์ฟอร์ซ (Salesforce) กล่าวว่า

“บทบาทของเจเนเรชั่นในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและพันธกิจในการเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดนั้นทรงพลังมาก ผลกระทบที่โควิดมีต่อเที่ยวบินพาณิชย์และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทำให้ผมตกงานตั้งแต่ที่โรคเริ่มระบาด ก่อนร่วมหลักสูตรของเจเนเรชั่นนั้น ผมไม่คุ้นกับการเขียนโปรแกรมมากนัก แต่เมื่อทีมหางานให้คำแนะนำแล้ว ผมก็ค้นพบว่าการเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ เพราะมีความท้าทายและโอกาสให้เรียนรู้ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งตรงกับทักษะของผมมาก ๆ”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ generation.org