GenNX Model, Create Job Opportunities, Reduce Social Gaps

GenNX Model ผนึกกำลัง สร้างโอกาสงาน ลดช่องว่างทางสังคม
กระทรวง อว. — ไมโครซอฟท์

เจเนเรชั่น ประเทศไทย องค์กรระดับสากลเพื่อสังคม ผนึกกำลังกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ บริษัทไมโครซอฟท์ ประเทศไทย นำ GenNX Model โมเดลจัดการปัญหาการว่างงาน ด้วยการจับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ต้องการหางาน กับบริษัทหรือนายจ้าง ผ่านกระบวนการฝีกอบรมแบบเข้มข้น ช่วยแก้ปัญหาผลกระทบการว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ยืดเยื้อยาวนาน กระทบต่อตลาดแรงงานไทย เกิดการว่างงานจากการเลิกจ้างสูงถึง 7 ล้านตำแหน่ง และ การว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ ที่ 2 ใน 3 ของจำนวนบัณฑิตจบใหม่ 340,000 คนไม่มีงานทำ เป็นผลมาจากความต้องการในตลาดแรงงานลดลง

การเปิดตัวองค์กรระดับสากลเพื่อสังคม เจเนเรชั่น ในประเทศไทย เป็นประเทศที่ 15 ของโลก

องค์กรเจเนเรชั่น (Generation) ก่อตั้งในปี 2558 เป็นองค์กรซึ่งแยกตัวออกมาจาก McKinsey & Company ด้วยพันธกิจองค์กรที่เริ่มจากต้องการพลิกโฉมการศึกษาให้เชื่อมโยงกับความต้องการและการจ้างงานสำหรับทุกคนที่แท้จริง ด้วยโมเดลเฉพาะขององค์กรที่เป็นเหมือน one-stop service ในการจับคู่ (Matching) ระหว่างผู้ต้องการหางานหรือผู้ว่างงานกับบริษัทหรือนายจ้าง ผ่านกระบวนการฝึกอบรมแบบเข้มข้น (Bootcamp) โดยใช้หลักสูตรอบรมระยะสั้นประมาณ 4-12 สัปดาห์ สำหรับฝึกอบรมทั้งด้านเทคนิคเฉพาะ ทักษะชีวิต และทักษะในการหางาน เจเนเรชั่นมีหลักสูตรที่สำคัญ 30 หลักสูตรใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1) Customer Service & Sales 2) Digital & IT 3) Healthcare และ 4) Skilled Trades จากสถิติพบว่าผู้เข้าร่วมโปรแกรมของเจเนเรชั่น 86% สามารถหางานได้ภายใน 3 เดือนหลังจากเข้ารับการฝึกอบรม มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าเฉลี่ย 84% และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโปรแกรม ปัจจุบัน Generation มีการดำเนินงานใน 17 ประเทศทั่วโลก และมีผู้จบโครงการทั้งหมดกว่า 55,000 คน ภายในระยะเวลาไม่นาน ทำให้ องค์กรเจเนเรชั่น เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรด้านการฝึกอบรมและหางานให้กับผู้ว่างงานที่ใหญ่ที่สุดและโตเร็วที่สุดในโลก

Presenting at GenNX

นางสาวปุณยนุช พัธโนทัย ผู้บริหารองค์กรเจเนเรชั่น ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์และโครงสร้างธุรกิจหลายอย่างที่เปลี่ยนไปทำให้ภาครัฐ และภาคเอกชนมองหาโมเดล และนวัตกรรมใหม่ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปกับการยกระดับการพัฒนาทักษะของแรงงาน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงงานของบัณฑิตจบใหม่และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19
เจเนเรชั่น เป็นองค์ระดับสากลเพื่อสังคม ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนายจ้าง (Demand Led) ด้วยโมเดลนวัตกรรมใหม่ ที่ให้ผลสัมฤทธิ์ในการหางานในทุกสถานการณ์

ทั้งนี้ เจเนเรชั่น เป็นองค์กรเพื่อสังคม โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และไม่จำกัดวุฒิการศึกษา ไม่จำกัดเพศ และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เฉพาะในสายงานนั้นๆ จากประสบการณ์การทำงานด้านนโยบายพัฒนาการศึกษา มากว่า 10 ปี ทำให้มองเห็นปัญหาสังคมไทย ซึ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม การขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา และทักษะในการทำงาน ตลอดจนถูกปิดกั้นเชิงระบบให้เข้าไม่ถึงตลาดแรงงาน ที่ผ่านมา เจเนเรชั่น มีความมุ่งมั่นตั้งใจว่าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองในการแก้ปัญหาเชิงระบบด้านกำลังคน และแรงงาน ซึ่งต้องขอขอบคุณ กระทรวง อว. และ บริษัทไมโครซอฟท์ประเทศไทย และพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่ให้การสนับสนุน โครงการในสายงานของเทคโนโลยี และสายงานด้านสาธารณสุข เพื่อเป็นโครงการนำร่องของประเทศ

Presenting at GenNX

ด้าน ศาสตราจารย์ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า สป.อว.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศโดยได้เร่งดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการผลิตบัณฑิตเป็นมุ่งเน้นการผลิตกำลังคนในการขับเคลื่อนประเทศเพื่อให้มีทักษะที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการณ์และตลาดแรงงานเน้นการสร้างกลไกให้เกิดการเรียนรู้รวมไปถึงการสร้างสภาพแวดล้อม(ecosystem)และโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถพัฒนาทักษะของตนได้ง่ายขึ้นและเพื่อให้ประเทศได้บรรลุถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น

ด้วยเหตุนี้ สป.อว. จึงได้ดำเนินโครงการนำร่องโดยนำ โมเดลของ องค์กรเจเนเรชั่น ซึ่งเป็นรูปแบบการพัฒนาทักษะการทำงานผ่านการฝึกอบรมระยะสั้นแบบเข้มข้นตามเพื่อการจ้างงานตามความต้องการและบริบทของประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เราสามารถนำมาใช้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ได้

“GenNX Model ขององค์กรเจเนเรชั่น นับเป็นโมเดลที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นโมเดลที่ช่วยในการพัฒนาทักษะให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อต่อยอดความรู้ และเปิดโอกาสให้ได้รับการจ้างงานมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน สถาบันอุดมศึกษา ก็ได้เข้ามามีโอกาสเรียนรู้ในกระบวนการทำงานของเจเนเรชั่น ในการนำองค์ความรู้ไปปรับใช้สำหรับการสร้างและพัฒนากำลังคนของสถาบันอุดมศึกษาเองในอนาคต ขณะที่ภาคเอกชนก็จะมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคนของประเทศให้ตรงกับความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็น ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ต่อไป”

Presenting at GenNX

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยและสังคมโลกในระยะหลังได้ทำให้พันธกิจของไมโครซอฟท์ในการเสริมศักยภาพให้กับทุกคนและทุกองค์กรยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามองไปที่แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน โดยข้อมูลจาก LinkedIn และไมโครซอฟท์เองคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 จะมีตำแหน่งงานใหม่ที่ใช้ทักษะเชิงดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ข้อมูล คลาวด์ AI หรือความปลอดภัยไซเบอร์ เพิ่มขึ้นมาถึง 139 ล้านตำแหน่งทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ เราจึงยินดีที่จะให้การสนับสนุนกับเจเนเรชั่น ประเทศไทย ในฐานะอีกหนึ่งพันธมิตรบนเส้นทางสู่การเติมเต็มทักษะดิจิทัลให้คนไทย ซึ่งนอกจากการได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และนำไปทดลองใช้จริงแล้ว ยังต่อยอดไปสู่โอกาสในการก้าวเข้าสู่สายงานไอทีได้โดยตรงจากโครงการนี้ ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็จะมีโอกาสได้เฟ้นหาบุคลากรหน้าใหม่ที่มีพร้อมทั้งทักษะ ทัศนคติ และความมุ่งมั่นที่จะเติบโตไปด้วยกัน”

โมเดลของเจเนเรชั่นเน้นไปที่รูปแบบของ “พัฒนาศักยภาพเพื่อขยายผล”

เป้าหมายขององค์กรเจเนเรชั่น ประเทศไทย ในช่วงสองปีแรกนั้นองค์กรจะเน้นพัฒนาทักษะการทำงานแบบเข้มข้นและตรงกับความต้องการจ้างงาน ให้แก่ผู้ว่างงาน และนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาให้มีความพร้อมต่อการถูกจ้างงาน ตลอดจนบุคลากรในสถานประกอบการเพื่อยกระดับทักษะการทำงานที่ตรงกับความต้องการ จำนวนทั้งสิ้น 350 คน รวมถึงฝึกอบรมวิทยากร (Trainer) ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการฝึกอบรมเพื่อการจ้างงาน โดยคัดเลือกบุคลากรจากอาจารย์/นักวิจัยจากสถาบันการศึกษา และตัวแทนจากภาคเอกชน จำนวน 28 คน ในขณะเดียวกันก็จะพัฒนาศักยภาพให้กับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยอย่างน้อย 2 แห่ง เพื่อส่งต่อหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาทักษะที่เข้มข้นของเจเนเรชั่นสำหรับการขยายผลให้กับสถาบันอุดมศึกษาที่สนใจ (Delivery Partners) โดยจะเริ่มนำร่องในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล และ Healthcare ซึ่งตรงกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย และจะขยายไปในอุตสหากรรมอื่นๆในปีต่อๆไป โดยมีความตั้งใจที่จะขยายกลุ่มผู้เป้าหมายจำนวน 2,000-4,000 คน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

The team

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแถลงข่าวได้ที่